เว็บตรง / บาคาร่าเว็บตรง นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย ได้ออกมาเปิดเผยว่าในช่วงค่ำของวันที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา สมาคมได้ส่งหนังสือถึง พล.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รวมทั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ขอให้พิจารณาเวลาปิดร้านอาหาร เป็น 22.00 น.
รวมทั้งเลื่อนการบังคับใช้มาตรการ covid free setting
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือกลุ่มธุรกิจร้านอาหารและภัตตาคาร เนื่องจากมีกระแสข่าวว่าศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 จะขยายเวลาให้เปิดถึง 21.00 น. จากปัจจุบัน 20.00น. โดยในวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. จะเป็นประธานการประชุม ศบค. ผ่านระบบการประชุมทางไกล (วิดีโอคอนเฟอเรนซ์)
ทั้งนี้ ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขกรณีโรคติดเชื้อโควิด-19 (ศปก.สธ.) จะรายงานสถานการณ์และคาดการณ์แนวโน้มการแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ, กระทรวงแรงงานรายงานเรื่องการปรับรายละเอียดโครงการแฟคตอรี่แซนด์บ็อกซ์ ระยะที่ 2, กระทรวงพลังงานรายงานเรื่องการแก้ไขผลกระทบที่เกิดจากการปฏิบัติตามคำสั่ง ศบค.ฉบับที่ 12/2564 กรณีผู้เดินทางเข้าออกราชอาณาจักรทางน้ำเพื่อปฏิบัติภารกิจที่เกี่ยวข้องกับกิจการปิโตรเลียม
นอกจากนี้ ศบค.จะพิจารณาการขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ครั้งที่ 14 โดยศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะเป็นผู้เสนอ, การปรับมาตรการป้องกันและควบคุมโรค ที่เสนอโดย ศปก.สธ.เสนอ, การปรับมาตรการผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักร (ปรับลดระยะเวลากักกัน การทำกิจกรรมในสถานที่กักกัน)
และหลักเกณฑ์ แผนงานและแนวทางการเปิดพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว เสนอโดยกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), แผนการให้บริการวัคซีนในเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2564 และแผนการบริหารจัดการวัคซีน ปี 2565 เสนอโดย ศปก.สธ. นอกจากนี้ ศูนย์ปฏิบัติการด้านการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง จะรายงานผลการดำเนินงาน ปัญหาอุปสรรค และข้อเสนอแนะของสำนักงาน และศูนย์ปฏิบัติการด้านต่างๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วาระสำคัญที่ ศบค.จะพิจารณาคือข้อเสนอของ ศปก.ศบค.ที่ให้ขยายเวลาการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปอีก 2 เดือน หรือถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน ปรับเวลาเคอร์ฟิวจากเดิมเวลา 21.00-04.00 น.ของรุ่งขึ้น ขยับเป็นเวลา 22.00-04.00 น.ของวันรุ่งขึ้น รวมทั้งพิจารณาผ่อนคลาย 10 กิจการ/กิจกรรม ได้แก่
1.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และวัยก่อนเรียน 2.ห้องสมุดสาธารณะ ห้องสมุดเอกชน ห้องสมุดชุมชน 3.พิพิธภัณฑ์ แหล่งประวัติศาสตร์ โบราณสถาน 4.ศูนย์การเรียนรู้ ศูนย์วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม หอศิลป์ 5.กีฬาในร่ม ในห้องที่มีระบบปรับอากาศ ฟิตเนส 6.ร้านทำเล็บ 7.ร้านสัก 8.ร้านนวด สปา เพื่อสุขภาพ 9.ธุรกิจโรงภาพยนตร์ ฉายภาพยนตร์ และ 10.การเล่นดนตรีในร้านอาหาร ส่วนร้านสะดวกซื้อ ตลาดสด ตลาดนัด ให้เฉพาะที่จำหน่ายเครื่องอุปโภคบริโภค และขยายเวลาเปิดไม่เกินเวลา 21.00 น. จากเดิม 20.00 น.
อีกทั้งพิจารณาแนวทางการเปิดพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวในพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อโควิดน้อยมาก หรือพื้นที่สีฟ้า ส่วนการกำหนดรูปแบบการท่องเที่ยวขึ้นอยู่กับความพร้อมของพื้นที่สีฟ้า คือการจัดพื้นที่ที่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ทั้งจังหวัด รวมถึงการจัดพื้นที่ที่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ทั้งอำเภอ ตำบล หรือหมู่บ้าน ขึ้นอยู่กับความพร้อมของพื้นที่
คลัง เตือน! ระวังภัยหลอก แจกเงินรายละล้าน ล้างหนี้
กระทรวงการ คลัง ประกาศเดือนภัยมิจฉาชีพโดยแอบอ้างว่ามีโครงการแจกเงินตามเลขบัตรประชาชน รายละล้านบาท เพื่อเป็นการล้างหนี้ครัวเรือน เมื่อวานนี้ (25 ก.ย. 2564) – กระทรวงการคลัง (คลัง) ได้ประกาศเตือนภัยจากข่าวปลอมที่ว่ามีโครงการแจกเงินตามเลขบัตรประชาชน รายละล้านบาท เพื่อเป็นการล้างหนี้ครัวเรือน จากทางหน่วยรัฐบาล และองค์กรระหว่างประเทศ
ตามที่มีผู้ไม่หวังดีหรือมิจฉาชีพออกข่าวหลอกลวงประชาชนซึ่งแพร่หลายในสื่อสังคมออนไลน์โดยเฉพาะ LINE Open Chat (โอเพนแชท) อย่างกว้างขวาง เป็นประเด็นการออกใบกระจายเงินพิเศษ จ่ายเงินให้ประชาชนรายชื่อละหลักล้านบาท ปลอดภาษี ชำระหนี้ให้ศูนย์ (ล้างหนี้ให้)
โดยมีการกล่าวอ้างและปลอมแปลงหลักฐานว่าได้รับการรับรองจากกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย รวมถึงประเด็นที่กล่าวอ้างว่าธนาคารโลก (World Bank) จะมีการปรับปรุงระบบการเงินโลก (Reset) อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างๆ ทั่วโลกในเรต 1:1 และยกเลิกบัตรบัตรเครดิต การจำนอง การล้างหนี้
โดยระบุว่ามีประเทศต่างๆ ทั่วโลกรวมตัวกันอย่างลับๆ เพื่อสนับสนุนการสร้างระบบหรือกองทุนที่เรียกว่า Gesara นี้ โดยโน้มน้าวให้ประชาชนมาร่วมลงทุนกับระบบดังกล่าว กระทรวงการคลังขอเรียนว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ภาครัฐโดยเฉพาะกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่เคยมีการดำเนินงานใดเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือกองทุนในลักษณะนี้ เป็นการหลอกลวงประชาชน ขอประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ เว็บตรง / บาคาร่าเว็บตรง